นี่คือโปรเจกต์ หนังญี่ปุ่น เรื่องที่ออกจะเป็นที่จับตา มองในรอบปีเลยทีเดียว ด้วยเหตุว่าเป็นการจับเอา ตำนานหนังแอนิเมชั่น ขึ้นหิ้งจากสตูดิโอจิบลิ มาปัดฝุ่น สร้างใหม่เป็นฉบับคนแสดง ออกมาเป็น “Whisper of the Heart วันไหน วันนั้น หัวใจบรรเลง” หนังที่ดัดแปลงสร้างจาก อนิเมะชื่อเดียวกัน ในปี 1995 โดยมาร้อยเรียง แล้วก็สร้างชีวิต ให้กับตัวละครการ์ตูน ให้มีสีสันแล้วก็เนื้อหนังขึ้นมา
หนังญี่ปุ่น Whisper of the Heart วันไหน วันนั้น หัวใจบรรเลง
เป็นเรื่องราวของ ชิซึกุ นักเรียนชั้น ป.3 ที่ได้รู้จักกับ เซอิจิ ที่เรียนอยู่ชั้นเดียวกัน ที่โรงเรียน ถึงแม้ในตอนแรกเธอ จะไม่ค่อยชอบขี้หน้า เขา แต่เธอจะต้อง ทึ่งกับความพยายาม ไล่ล่าตามความฝันของเขา แล้วก็เขาก็ยังรู้ด้วยว่า เธอต้องการจะเป็นนักเขียน ที่ประสบความสำเร็จ
กระทั่งเวลาในอีก 10 ปีต่อ ชิซึกุ ในวัย 24 ปี ได้ละทิ้งความฝัน ในวัยเด็กไป กลายมาเป็น กองบรรณาธิการสำนักพิมพ์ เกี่ยวกับหนังสือเยาวชน เธอดิ้นรนใช้ชีวิตประจำวัน ไปให้ได้ทุกวัน ในขณะที่ เซอิจิ ขณะนี้เขาอยู่ต่างประเทศ แล้วก็ยังคงวิ่งไล่ความฝันนั้น ของตัวเองอยู่
ขั้นแรกผู้เขียน จะต้องขอออกตัวก่อนว่า ยังไม่เคยได้ ดูหนังต้นเวอร์ชั่น แบบเต็ม ๆ มีแค่เห็นคัทซีนมาบ้าง ประปรายจากพวกแคปชั่น หนังดังอมตะที่เกี่ยวกับ หนังเรื่องนี้ แล้วก็ไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ ผลงานจากสตูดิโอจิบลิอะไร ด้วยเหตุว่าเคยเสพงาน จากค่ายนี้แค่เพียงบางเรื่องเท่านั้น เท่ากับว่าแทบ ไม่มีประสบการณ์อะไรก็ตาม นำมาเปรียบเทียบกับงานต้น และคงถ่ายทอดบทความนี้ ออกมาในมุมมอง ของผู้ที่เพิ่งจะได้สัมผัส กับเรื่องราวนี้ เป็นครั้งแรก
ในส่วนของพล็อต ของหนัง Whisper of the Heart ก็น่าจะเวิร์กดี ถ้าว่าเป็นพล็อต ที่ประยุกต์ใช้เมื่อ 20 ปีที่แล้ว แต่วันเวลาผ่านไป การนำเอางาน ขึ้นหิ้งมาปรุงแต่งใหม่กับพล็อตเดิม ๆ ที่กลายเป็นพล็อตซ้ำ ๆ สไตล์หนังญี่ปุ่น ที่มีให้เห็นแบบนี้กันแทบทุกปี
จึงทำให้หนังเรื่องนี้ แทบไร้ซึ่งเสน่ห์ใด ๆ ให้ชวน คะนึงหาสักเท่าไหร่ ทั้งส่วนประกอบของหนัง มีความแฟนตาซีฟุ้ง ๆ อยู่ออกจะเยอะ ที่เป็นส่วนประกอบเหมาะกับ การทำเป็นแอนิเมชั่นมากกว่า ฉบับคนแสดง จึงทำให้บางจุด ของหนังยังรู้สึก เอะใจอยู่บ้าง
ระหว่างทาง ที่ดูหนังเรื่องนี้ไป ก็ยังแอบคิดไม่น้อยว่า เวอร์ชั่นอนิเมะอาจจะเอ็นจอย ได้มากกว่านี้หรือไม่ ด้วยความที่เป็นการ์ตูน ที่สร้างแตกโจทย์ จินตนาการได้มากกว่าอยู่แล้ว แล้วก็ยังฉุกคิดขึ้นได้ว่า หรือบางครั้งหนังที่ขึ้นหิ้ง เอาไว้อยู่แล้ว
ก็ไม่เห็นจำเป็นต้อง จับเอาลงมาสร้างใหม่ แม้ว่าจะเป็นอีกหนึ่ง เวอร์ชั่นที่ต่างกัน แต่มีความรู้สึกว่าฉบับนี้ ออกจะขาดหาย ไปในส่วนของเสน่ห์ ที่น่าอัศจรรย์ใจ แบบที่อนิเมะแล้วก็มังงะพึงมี
Whisper of the Heart ได้ผู้กำกับมีชื่อ “ยูอิจิโระ ฮิราคาวะ” จาก The Promised Neverland มาช่วยปั้น เรื่องราวให้ แต่งานสร้างของเขา ก็ถือว่าทำออกมา ได้ออกจะธรรมดาตามมาตรฐาน ไม่มีอะไรที่หวือหวา แตกต่างไปจากหนังรัก ญี่ปุ่นทั่ว ๆ ไป
งานฉากแล้วก็ซีจีบางจุด ก็ยังออกจะดูโดดเด้ง อย่างเห็นได้ชัดว่า เป็นภาพตัดต่อไปสักนิด ถึงแม้โดยผู้สร้าง จะพยายามคุมโทนแล้วก็บรรยากาศ ด้วยแสงธรรมชาติ ตลอดทั้งเรื่อง ได้ดีก็ตาม
ในส่วนของ บทหนัง Whisper of the Heart คงจะต้องยอมรับสารภาพ ตรงไปตรงมาว่า ออกจะน่าผิดหวัง ถึงแม้ประเด็นของหนัง จะชัดเจนแล้วก็ยังเก็บเกี่ยว แกนหลักของหนัง ที่ต้องการนำเสนอเอาไว้ ชัดเจนเพียงแต่ว่า
เมื่อนำมาร้อยเรียง เรื่องราวในยุคปี 2022 แล้วนั้น มันช่างเป็นพล็อต ที่เชยแสนเชย เป็นหนังที่มุ่งเน้น การต่อสู้แล้วก็ให้กำลังใจ สำหรับในการแต่งแต้มเดินความฝัน แต่รสชาติ ของการปรุงออกมานั้น เป็นเมนูที่ออกจะขาดมิติ ด้านอรรถรสอย่าง น่าเสียดาย
ตัวหนังอาจจะ แบ่งได้ 2 พาร์ท
ช่วงการเล่าเรื่องนี้ ได้อย่างชัดเจน ทั้งยังพาร์ทวัยเด็กกับวัยผู้ใหญ่ ที่มีจริตสำหรับในการ เล่าเรื่องและเน้นจุดสำคัญ ที่แตกต่างอย่างเด่นชัด เพียงแต่เส้นเรื่อง ยังออกจะธรรมดาไปสักนิด
ให้ความรู้สึกราวกับ ดูหนังรักญี่ปุ่นสักเมื่อ 10-20 ปีก่อน กับบทหนังที่พยายาม เคารพต้นฉบับ แต่ไม่มีได้มีการ ทรีเมนต์ส่วนประกอบต่าง ๆ ให้ได้มีมิติ ที่ไม่เหมือนกันขึ้นสักเท่าไหร่
เวลาที่ส่วนประกอบ ในด้านการแสดงนั้น ก็ถือว่า 2 นักแสดงนำ “นานะ เซอิโนะ” กับ “โทริ มัตสึซากะ” ยังคงประคับประคอง หนังทั้งเรื่องเอาไว้ แบบช่วยกัน โดยที่ยังมี 2 นักแสดง เด็ก “รุนะ ยาสึฮาระ” แล้วก็ “สึบาซะ นากางาวะ” มาช่วยเสริมสีสัน ให้กับพาร์ทแอคติ้งให้ แต่ก็นั่นแหละ…บทและการร้อยเรียงเรื่องราว ที่ยังไม่จับใจ สักเท่าไหร่นัก ทำให้การแสดง ของพวกเขาที่ทำได้ดี ตามมาตรฐานแล้ว ก็ยังไม่สามารถที่จะเป็นแรงหนุนนำ ให้หนังบียอนด์ไปสู่จุด ที่เป็นความประทับใจได้
ตกลงว่า โดยภาพรวม แล้วนั้น อาจจะได้ว่า Whisper of the Heart วันไหน วันนั้น หัวใจบรรเลง เป็นหนังเวอร์ชั่นไลฟ์แอคชั่น จากหนังแอนิเมชั่น ในตำนานที่ทำออกมา ได้ออกจะน่าผิดหวังไปสักนิด โดยพิจารณา จากการไม่ได้นำไปเปรียบเทียบ กับต้นฉบับเลยนิดหน่อยเดียว ปัญหาสำคัญ ๆ ของหนังคือยังขาดเสน่ห์
ในการดำเนินเรื่อง ไปออกจะมาก อีกทั้งบทหนังยังไม่มีชั้นเชิง แล้วก็ปรับปรุงให้ทันสมัยได้พอเพียง จึงพลอยทำให้ การแสดงของนักแสดง ที่เล่นออกมาดี
แต่ก็ยังดูไม่เต็มที่ไปด้วย นี่จึงกลายเป็นหนังรีเมค ที่ดูได้แบบปล่อยผ่าน และสนใจที่ต้องการจะ กลับไปหาดูต้นฉบับมากกว่า